วันจันทร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2562

นารายณ์บรรทมสินธุ์ ทับหลังที่(เคย)หายไป


               ในบทความที่แล้วเป็นเรื่องราวเกี่ยวนาค (คลิกอ่านได้ที่นี่) เมื่อได้ทำการค้นหาข้อมูลมาประกอบการเขียน ก็ได้พบข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ของปราสาทพนมรุ้ง ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกขโมยไป แต่ในปัจจุบันสามารถทวงคืนกลับมาได้ ซึ่งเป็นที่มาของบทความนี้
นารายณ์บรรทมสินธุ์ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ วิษณุอนันตศายินปัทมนาภะ เป็นประติมากรรมที่เล่าเรื่องราวของพระนารายณ์ขณะที่กำลังนอนอยู่บนตัวพญาอนันตราคราช โดยมีพระนางลักษมีผู้เป็นชายาคอยปรนนิบัติ และมีพระพรหมที่นั่งอยู่บนดอกบัวผุดออกจากสะดือของพระนารายณ์ เป็นการสื่อถึงการสร้างโลกใบใหม่ หลังจากที่ถูกโลกทำลายไปแล้ว ถูกกล่าวอยู่ในมหาภารตะว่า “.....โลกเมื่อถึงคราวสิ้นกัลป์ (หนึ่งกัลป์เท่ากับหนึ่งวันของพระพรหม) ทุกสรรพสิ่งถูกทำลายล้าง พื้นดินจมลงสู่ใต้มหาสมุทรพระผู้เป็นเจ้าที่ทรงพระนามว่า “นารายณ์” ผู้มีพันพระเนตรและพันพระบาท บรรทมอยู่ที่ท่ามกลางเกษียรสมุทร มีพญานาคผู้มีพันเศียรรองรับองค์พระผู้เป็นเจ้า ...เมื่อพระองค์ตื่นบรรทม และมองเห็นโลกที่ว่างเปล่า พระองค์ได้ตั้งสมาธิเพื่อการสร้างสรรค์สรรพสัตว์ขึ้นใหม่ ในขณะนั้น ได้เกิดดอกบัว(หมายถึงความบริสุทธิ์) ดอกหนึ่ง ผุดขึ้นจากพระนาภี (สะดือ)จากผลของสมาธินั้น แล้วพระพรหมผู้มีสี่พักตร์ก็ได้ปรากฏขึ้นบนดอกบัวนั้น.....” การสลักเล่าเรื่องนารายณ์บรรทมสินธุ์ปรากฏให้เห็นได้ทั่วไปในโบราณสถานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นในอินเดีย กัมพูชา หรือแม้แต่ในประเทศไทยเอง และหนึ่งในนั้น ก็ปรากฏบนทับหลังของปราสาทพนมรุ้ง

ที่มารูปภาพ https://www.panchdoot.com/latest-news/devshayani-ekadashi-2018-significance-fasting-and-muhurat-timings-of-padma-ekadashi/
               ปราสาทพนมรุ้งตั้งอยู่บนภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว ของจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นในสมัยพระนคร หรือสร้างร่วมสมัยกับพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ที่เป็นผู้สร้างนครวัดอันยิ่งใหญ่ แต่ปราสาทพนมรุ้งนี้สร้างโดย พระเจ้านเรนทราทิตย ผู้เป็นญาติกัน ซึ่งปราสาทหลังนี้สร้างเพื่อศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ในลัทธิไศวะนิกาย ซึ่งเปรียบเขาพนมรุ้ง เป็นเขาไกรลาสสถานที่ประทับของพระศิวะ และเป็นสัญลักษณ์ของศูนย์กลางของจักรวาล

ที่มารูปภาพ https://www.museumthailand.com/th/museum/Phanomrung-Historical-Park
               และเมื่อมาถึงปราสาทพนมรุ้งแล้ว สิ่งที่พลาดไม่ได้ในการเข้ามาเยี่ยมชมคือ ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ถูกประดับไว้ที่ทางเข้าปราสาทประธาน ด้านทิศตะวันออก “แกะสลักเป็นภาพพระวิษณุหรือพระนารายณ์ สี่กร บรรทมตะแคงขวา บนหลังพญาอนันตนาคราชซึ่งทอดตัวอยู่บนหลังมังกร พระหัตถ์ขวาหน้ารองรับพระเศียร พระหัตถ์ขวาหลังทรงถือจักร พระหัตถ์ซ้ายหน้าทรงถือคทา ส่วนพระหัตถ์ซ้ายหลังทรงถือสังข์ (?) ที่ปลายพระบาทของพระนารายณ์ เป็นภาพพระนางลักษมีชายาของพระองค์ เหนือองค์พระนารายณ์ แกะสลักเป็นรูปดอกบัวที่โผล่ขึ้นมาจากพระนาภีองค์พระนารายณ์ ภายในดอกบัวแกะสลักเป็นรูปพระพรหม สี่พักตร์ สี่กร พระหัตถ์ทั้งสี่ไม่สามารถระบุได้ว่าทรงถืออะไร ภาพทั้งหมดจัดไว้กึ่งกลางทับหลัง ส่วนด้านซ้ายและด้านขวาทำเป็นรูปหน้ากาลคายท่อนพวงมาลัย เหนือขึ้นไปเป็นรูปครุฑ ข้างครุฑเป็นภาพนกหัสดีลิงค์คาบช้าง และภาพลิงอุ้มลูก ส่วนด้านใต้หน้ากาลเป็นภาพนกแก้ว 2 ตัว การออกแบบลวดลายและการแกะสลักประณีต จนอาจกล่าวได้ว่าเป็นทับหลังที่งดงามที่สุดในประเทศไทย” ( วิสุทธิ์ ภิญโญวาณิชกะ , 2551)

ที่มารูปภาพ https://www.pinterest.co.uk/pin/408138784974463219/

               
ซึ่งสิ่งที่ให้ทับหลังนี้เป็นที่รู้จัก เพราะในอดีตทับหลังชิ้นนี้ถูกโจรกรรมไป นานเกือบ 30 ปี จนถูกพบที่สถาบันศิลปะ เมืองชิคาโก สหรัฐอเมริกา จึงได้ทำหนังสือเพื่อขอคืนทับหลังชิ้นนี้ในพ.ศ.2516 แต่ยังไม่สำเร็จ จนเมื่อพ.ศ.2531 เกิดเหตุการณ์รณรงค์เพื่อรื้อฟื้นขอคืนทับหลังโดย
ทำหนังสือถึงเอกอักคราชฑูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ในขณะนั้น จากการเคลื่อนไหวของหลาย ๆ ฝ่าย ทั้งข้าราชการส่วนที่เกี่ยวข้อง ประชาชนต่าง ๆ ทั้งพ่อค้า และนักศึกษา ในประเทศไทยกว่า 15,000 คน นอกจากนี้ยังมีการแต่งเพลงทับหลัง จากวงคาราบาวเพื่อเป็นสื่อในการรณรงค์อีกทางหนึ่งด้วย รวมถึงการเคลื่อนไหวจากนอกประเทศ ไม่ว่าจะเป็น คนไทยที่อยู่ในเมืองชิคาโก ชาวอเมริกันและชนชาติอื่น ๆ จนในที่สุดจึงได้ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์กลับมาในไทย เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ.2531 และได้นำกลับมาไว้ที่ปราสาทพนมรุ้ง เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ.2531 หลังจากที่ได้นำไปจัดแสดงให้ประชาชนได้เยี่ยมชม

ที่มารูปภาพ http://www.wisut.net/บุรีรัมย์-บทความ/ทับหลังนารายณ์บรรทมสิน/

แต่ในอีก 10 ปีต่อมา ได้เกิดความสงสัยว่าทับหลังที่นำกลับมาได้นี้ เป็นของจริงหรือของปลอม เพราะทับหลังสามารถปลอมแปลงกันได้ง่าย นักโบราณคดีหลายคนจึงต้องการให้กรมศิลปากรพิสูจน์ แต่กรมศิลปากรยืนยันแล้วว่า ทับหลังชิ้นนี้ได้ผ่านการพิสูจน์ และเป็นของจริงแน่นอน



               กว่าทับหลังชิ้นนี้จะกลับคืนมาเป็นสมบัติของชาติได้ ก็ใช้เวลาเกือบ 30 ปี และสามารถทำสำเร็จได้ด้วยความตระหนักถึงความสำคัญของทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ของคนไทยทั้งประเทศ รวมถึงการสนับสนุนจากต่างชาติ ดังนั้น เราจึงควร “รักษ์ และดูแล” เพื่อการคงอยู่ของสมบัติแห่งชาติ เพราะฉะนั้น เวลาไปเที่ยวปราสาทพนมรุ้ง ก็อย่าลืมแวะไปชมทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ เพราะถือเป็นทับหลังที่มีเนื่องราวน่าสนใจเป็นอย่างมาก


แหล่งอ้างอิง
มิวเซียมไทยแลนด์. (2562). อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง. สืบค้นเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2562, จาก
วรณัย พงศาชลากร. (2555). “วิษณุอนันตศายิน - นารายณ์บรรทมสินธุ์” จากทั่วถิ่นเมืองไทย ...อยู่ที่ไหนบ้าง ?.
               สืบค้นเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2562, จาก
วิสุทธิ์ ภิญโญวาณิชกะ. (2551). ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ : ของจริงหรือของปลอม. สืบค้นเมื่อวันที่ 25
Tnews. (2560). ย้อนรอย ทวงคืนสมบัติชาติจากสหรัฐฯ “ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์” กลับคืนสู่แดนไทย
หลังหายไปนานกว่า 30 ปี (รายละเอียด). สืบค้นเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2562, จาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น